Logo
Cardano Ecosystem

Cardano Thai

07/25/2021

·

1.5K views


เปรียบเทียบบล็อกเชน Ethereum (ETH) กับ Cardano (ADA) แบบหมัดต่อหมัด

(แปลและเรียบเรียงโดย : BREAK Stake Pool)Ethereum (ETH) และ Cardano (ADA) สองแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาเป็นคู่แข่งโดยมีเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างมาก และมีชุมชนที่แสนภักดีเหนียวแน่นทั้งสองขั้วเมื่อพิจารณาจากโพรไฟล์ของมวยคู่เอกนี้แล้ว เรามาลองตั้งข้อเปรียบเทียบระหว่าง Ethereum และ Cardano ในการแข่งขันแบบตัวต่อตัวกันคู่มือด้านล่างนี้จะให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายว่า Ethereum และ Cardano คืออะไร ข้อดี/ข้อเสียของแต่ละรายการ และสรุปความแตกต่างที่สำคัญโดยย่อภาพรวมของ Ethereum (ETH)Ethereum (ETH) เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) ที่สร้างขึ้นโดยนักคริปโตระดับแนวหน้าในปี 2558 ปัจจุบัน Ethereum เป็นบล็อกเชนหลักที่แอพพลิเคชั่นการเงินแบบกระจายศูนย์และ stablecoin เข้ามาใช้งานจุดเด่นที่สำคัญที่สุดที่ Ethereum ให้กับบล็อคเชนคือการสร้างสัญญาอัจฉริยะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาทบทวนว่า Ethereum smart...

เปรียบเทียบบล็อกเชน Ethereum (ETH) กับ Cardano (ADA) แบบหมัดต่อหมัด

Cardano ADA Community Thailand

(แปลและเรียบเรียงโดย : BREAK Stake Pool)

Ethereum (ETH) และ Cardano (ADA) สองแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาเป็นคู่แข่งโดยมีเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างมาก และมีชุมชนที่แสนภักดีเหนียวแน่นทั้งสองขั้ว

เมื่อพิจารณาจากโพรไฟล์ของมวยคู่เอกนี้แล้ว เรามาลองตั้งข้อเปรียบเทียบระหว่าง Ethereum และ Cardano ในการแข่งขันแบบตัวต่อตัวกัน

คู่มือด้านล่างนี้จะให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายว่า Ethereum และ Cardano คืออะไร ข้อดี/ข้อเสียของแต่ละรายการ และสรุปความแตกต่างที่สำคัญโดยย่อ

Ethereum (ETH) เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนสัญญาอัจฉริยะ (Smart contract) ที่สร้างขึ้นโดยนักคริปโตระดับแนวหน้าในปี 2558 ปัจจุบัน Ethereum เป็นบล็อกเชนหลักที่แอพพลิเคชั่นการเงินแบบกระจายศูนย์และ stablecoin เข้ามาใช้งาน

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดที่ Ethereum ให้กับบล็อคเชนคือการสร้างสัญญาอัจฉริยะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาทบทวนว่า Ethereum smart contract คืออะไรและเหตุใดจึงสำคัญ

เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ Bitcoin ปล่อยเทคโนโลยีบล็อกเชนไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจว่า Bitcoin เปรียบเสมือนเงินสดที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ แต่มีความสามารถทางเทคโนโลยีเพียงเล็กน้อย

วิทาลิก บูเทริน (Vitalik Buterin) และ เกวิน วู้ด (Gavin Wood) ผู้ก่อตั้งและหัวหน้านักพัฒนา Ethereum ได้คิดค้นสัญญาอัจฉริยะเพื่อขยายประโยชน์ของบล็อกเชนให้เป็นมากกว่าเงินสด สัญญาอัจฉริยะช่วยให้บล็อกเชนทำงานเสมือนคอมพิวเตอร์ที่มีการกระจายอำนาจ — แตกต่างไปจากการเป็นแค่เงินเท่านั้น

สัญญาอัจฉริยะคืออะไร? สัญญาอัจฉริยะคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐานน้ำหนักเบาที่ทำงานบนบล็อกเชน Ethereum ทุกคนสามารถสร้างสัญญาอัจฉริยะที่มีกฎเกณฑ์เฉพาะที่ดำเนินการด้วยตนเองได้ นี่คือวิธีที่แอปพลิเคชั่น Ethereum ทำงานโดยไม่มีตัวกลาง — สัญญาอัจฉริยะทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือโดยไม่มีใครดำเนินการ

หากคุณยังมีปัญหาในการำความเข้าใจสัญญาอัจฉริยะ ให้มองว่าเป็นเครื่องขายอัตโนมัติแบบดิจิทัลก็แล้วกันนะ ยกตัวอย่าง เมื่อคุณไปซื้อน้ำอัดลมในตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม คุณจะต้องป้อนเงินสดและเลือกโซดา เมื่อป้อนทั้งสองอย่างที่จำเป็นนี้แล้ว เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติจะให้โซดาแก่คุณและอาจมีเงินทอนมาด้วย ดังนั้น เช่นเดียวกับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สัญญาอัจฉริยะทำงานโดยอิงตาม input ที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า (X, Y และ Z) เพื่อส่งมอบ output เฉพาะ (A, B และ C)

ก่อนมีเครื่องขายอัตโนมัติ มีคนขายน้ำอัดลมแบบหน้าร้าน แต่หลังจากการถือกำเนิดของเครื่องนี้ ตัวเครื่องและโค้ดของมันก็ทำงานได้เอง สัญญาอัจฉริยะก็ทำเช่นเดียวกันสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการความไว้วางใจระหว่างสองฝ่ายขึ้นไป แทนที่จะต้องการให้ใครซักคนเป็นคนกลางที่ไว้วางใจได้ สัญญาอัจฉริยะนี้สามารถเข้ามาแทนที่คนกลางและความไว้วางใจด้วยการทำให้เป็นข้อกำหนดชัดเจนในการทำธุรกรรม

สัญญาอัจฉริยะช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างแอพพลิเคชันบน Ethereum ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วสามารถทำงานได้ตลอดไปโดยไม่ถูกเซ็นเซอร์ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ศักยภาพของ Ethereum ถูกขัดขวางและมีข้อจำกัดโดยอัลกอริทึ่มระบบ proof-of-work

เมื่อนักพัฒนา Ethereum สร้างเครือข่ายในครั้งแรก พวกเขายืมระบบ proof-of-work ของ Bitcoin มาใช้ ซึ่งระบบ proof-of-work นี้มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และมีการกระจายอำนาจเพียงพอ

ช่วงแรกๆ นั้นมีผู้ใช้บล็อกเชนและทำธุรกรรมน้อยกว่านี้มาก ปริมาณที่ไม่มากนี้ระบบ proof-of-work แบบ Ethereum สามารถจัดการกับกิจกรรมและธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อคริปโตเข้าสู่กระแส NFT และ DeFi ซึ่งทั้งหมดทำงานบนบล็อกเชน Ethereum การที่เครือข่าย Ethereum ไม่สามารถปรับขนาดได้นั้นนำมาซึ่งปัญหาอย่างชัดเจน

ระบบ proof-of-work ทำงานโดยให้นักขุด (miner) ตรวจสอบธุรกรรม ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้เครือข่ายปลอดภัยโดยใช้การรับประกันทุกธุรกรรมอย่างตรงไปตรงมา ปัญหาคือแต่ละ miner หรือ node จะประมวลผลทุกธุรกรรมบนเครือข่าย บางวันมีธุรกรรมมากกว่า 500,000 รายการ ซึ่งเครือข่าย Ethereum ปัจจุบันมีความเร็วในการทำธุรกรรมเพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาทีเท่านั้น

เพื่อแก้ไขปัญหานี้และทำให้ Ethereum แข็งแกร่งและปรับขนาดได้มากขึ้น นักพัฒนาจึงกำลังเปิดตัว Ethereum 2.0 ซึ่งการย้ายไปยัง ETH 2.0 จะเป็นการเปลี่ยนจากการใช้ระบบ proof-of-work เป็น proof-of-stake

ระบบ proof-of-stake ใช้พลังงานและทรัพยากรในการประมวลผลน้อยกว่ามาก และมีการแบ่งส่วนช่วยให้ผู้ตรวจสอบความถูกต้องสามารถตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายได้อย่างเฉพาะเจาะจง แทนที่จะตรวจสอบทั้งหมด

เมื่อ ETH 2.0 เสร็จสมบูรณ์ ก็ควรจะมีประสิทธิภาพความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือชั้นกว่าสถานะปัจจุบันอย่างมากมาย นั่นหมายความว่า Ethereum พร้อมที่จะให้บริการผู้คนหลายพันล้านในฐานะคอมพิวเตอร์ของโลกอย่างแท้จริง

คุณสงสัยหรือไม่ว่า ETH 2.0 จะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด? คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ในช่วงต้นปี 2021 Ethereum ได้เปิดตัวเฟส 0 ด้วย beacon chain แต่คาดว่าการเปิดตัวทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงช่วงปี 2022–2023

ETH คือเหรียญดิจิทัลของบล็อกเชน Ethereum ที่ขับเคลื่อนธุรกรรมเครือข่าย แตกต่างจากเหรียญสกุลเงินดั้งเดิม เช่น Bitcoin เพราะ ETH มีคุณสมบัติที่ทำได้ครอบคลุมมากกว่าเงินแบบดั้งเดิม

ทุกครั้งที่สัญญาอัจฉริยะดำเนินการคำสั่ง มันจะลั่นไกธุรกรรมพร้อมกัน นอกจากจำนวนการทำธุรกรรมนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีธุรกรรมที่ชัดเจนซึ่งผู้ใช้ Ethereum คนหนึ่งสามารถส่งเหรียญไปยังอีกรายหนึ่ง

Ethereum มีค่าเฉลี่ยในการทำธุรกรรมมากกว่า 1 ล้านธุรกรรมต่อวัน แต่ที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นคือยอดรวมธุรกรรมในอดีตที่มากกว่า 1 พันล้านธุรกรรม

ธุรกรรม Ethereum ทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยก๊าซ เช่นเดียวกับรถของคุณ ความแตกต่างคือรถของคุณใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ธุรกรรม Ethereum ใช้เหรียญ ETH เมื่อมีการทำธุรกรรมจากกระเป๋าเงิน (wallet) ไม่ว่าจะดำเนินการสัญญาอัจฉริยะ หรือส่งเหรียญ stablecoin ก็จะต้องชำระค่าธรรมเนียม

แต่การชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเครือข่ายดูเหมือนเป็น use case หลักสำหรับเหรียญ ETH โดยนักขุด Ethereum จะได้รับค่าธรรมเนียมก๊าซเพื่อชดเชยการทำงานของพวกเขาในการตรวจสอบเครือข่าย

อำนาจของ ETH เป็นมากกว่าการจ่ายเงินสำหรับการทำธุรกรรมเครือข่ายและให้รางวัลแก่ผู้ขุด เนื่องจากแอพการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi Apps) จำนวนมากทำงานบน Ethereum เหรียญ ETH จึงมีสถานะสกุลเงินสำรองเป็นส่วนใหญ่ใน liquidity pools

Uniswap เป็นตัวอย่างที่ดี เนื่องจากเป็น exchange แบบกระจายอำนาจ (Decentralized exchange) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันประมวลผลการซื้อขายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมี ETH เป็นเหรียญพื้นฐานสำหรับคู่เงินส่วนใหญ่

การเปลี่ยนไปใช้ Ethereum 2.0 จะทำให้สามารถ stake เหรียญ ETH ในเครือข่ายได้ ความสามารถในการ Stake ของ Ethereum เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคนเพราะมันทำกำไรได้ (คุณจะได้รับดอกเบี้ยจากการ Stake เหรียญ ETH) และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่าย

แม้ว่า ETH 2.0 จะยังไม่เปิดตัวอย่างสมบูรณ์ (ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในปี 2022) แต่การอัพเกรดเฟส 0 ในเดือนมกราคมส่งไฟเขียวว่า ETH จะสามารถ stake ได้ ผลตอบแทนนั้นจะเหมาะสมที่สุดกับ stake pool ของ Ethereum แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง และอาจเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

• แพลตฟอร์มบล็อกเชนสัญญาอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุด
• Ethereum เป็นบ้านที่รองรับ DeFi และ NFTs อย่างไม่มีปัญหา
• การเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของคริปโตได้เป็นแหล่งความคิดของนักพัฒนาจำนวนมาก
• เป็นบล็อกเชนที่แอพพลิเคชันกระจายอำนาจ (decentralized applications) ใช้มากที่สุดของโลกคริปโตทั้งหมด
• การอัพเดต ETH 2.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย

• ข้อจำกัดด้านความเร็วในปัจจุบันส่งผลให้เกิดความแออัด ไม่คล่องตัวของเครือข่ายบ่อยครั้ง
• ค่าธรรมเนียม Ethereum ราคาสูงมากสำหรับนักพัฒนาที่มาใช้บล็อกเชน
• ค่าธรรมเนียมก๊าซที่สูงทำให้ธุรกรรม DEX และ DeFi มีราคาแพง
• การพัฒนา Ethereum มักไม่เป็นระเบียบและช้า
• ETH 1.0 ใช้ระบบ proof-of-work และมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) เช่น ภาวะโรคร้อน

Cardano (ADA) เป็นบล็อกเชนเอนกประสงค์ที่เน้นการสร้างเครือข่ายที่มีความปลอดภัยสูง ปรับขนาดได้ และมาจากงานวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญ สำหรับการทำธุรกรรมเงินดิจิทัลและแอพพลิเคชันกระจายอำนาจ (DApps)

Cardano ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดย ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน (Charles Hoskinson) ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum

Cardano มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Ethereum เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกัน และเป็นแพลตฟอร์มกระจายอำนาจพร้อมความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงจุดที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่ในขณะที่ Ethereum เปิดใช้งานการสร้างสินทรัพย์และเหรียญที่สามารถตั้งโปรแกรมได้แล้วนั้น ในปัจจุบัน Cardano ยังเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินทางการเงินโดยใช้เหรียญ ADA เป็นสกุลเงิน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครือข่ายที่มีฉายาว่า นักฆ่า Ethereum (Ethereum Killer) อย่าง Cardano ได้ไต่อันดับขึ้นด้วยการถูกพูดถึงในด้านปริมาณงานของเครือข่ายและอัลกอริธึ่มที่ล้ำสมัย

Cardano ได้ใช้แนวทางที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยจุดเด่นที่เน้นวิทยาศาสตร์เป็นหลัก Cardano codebase เขียนด้วยภาษา Haskell ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายถูกนำมาใช้อย่างแม่นยำเพราะความง่ายในการตรวจสอบ

คุณอาจจำได้ว่านักพัฒนา Ethereum ได้สร้างภาษาโปรแกรม Solidity ซึ่งมีนักพัฒนาเพียงไม่กี่คนที่เชี่ยวชาญในการเขียนมัน จึงใช้การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญน้อยกว่ามาก

เหตุใดการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญในสาขาจึงมีความสำคัญ? เนื่องจากยิ่งนักพัฒนาสามารถเข้าใจและตรวจสอบโค้ดได้มากเท่าใด โค้ดนั้นก็จะยิ่งแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ประเด็นคือ นักพัฒนาของ Cardano ต้องการให้บล็อคเชนปราศจากข้อบกพร่องให้มากที่สุด เพื่อลดปัญหาด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น

Cardano ใช้การออกแบบสองชั้นในโปรโตคอลที่แยกการคำนวณออกจากตอนจัดตั้ง

เมื่อกลับมานึกถึง Ethereum ซึ่งเป็นโปรโตคอลแบบชั้นเดียวที่ทำทั้งการคำนวณ (สัญญาอัจฉริยะ) และการชำระบัญชี (การโอนเหรียญ) ร่วมกัน Ethereum มักจะติดขัดด้วยปริมาณของการทำธุรกรรมทางคอมพิวเตอร์และการชำระเงินที่รุมเร้านักขุด Ethereum ส่งผลให้ราคาก๊าซสูงขึ้น

ในทางตรงกันข้าม เลเยอร์ที่แยกจากกันของ Cardano ช่วยให้สัญญาอัจฉริยะและแอพพลิเคชันแบบกระจายศูนย์มีอยู่อย่างเป็นอิสระจากธุรกรรมเหรียญ ADA การแยกส่วนนี้จะช่วยให้ Cardano สามารถปรับขนาดได้ และราคาไม่แพงสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ และสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้

Cardano ใช้อัลกอริธึม proof-of-stake ที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเรียกว่า Ouroboros ซึ่งเป็นชื่อของสัญลักษณ์วงกลมโบราณ ที่เป็นวาดภาพงูกินหางของตัวเอง ภาพอ้างอิงนั้นฉลาดทีเดียวเพราะตรงกับการออกแบบระบบ proof-of-stake ของ Cardano ที่ใช้ทรัพยากรเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพในระบบวงปิด

Ouroboros ทำงานโดยทำให้ผู้ถือ ADA ใช้กระเป๋าสตางค์ Cardano ที่หลากหลาย (เช่น Yoroi, Daedelus) เพื่อมอบเหรียญของตนให้กับผู้ตรวจสอบที่รักษาความปลอดภัยให้กับเครือข่าย กระบวนการนี้เรียกร้องความต้องการการประมวลผลที่เข้มข้นน้อยกว่ามาก ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานลดลงในการรันเครือข่าย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Cardano ได้เริ่มประกาศความแข็งแกร่งในฐานะบล็อกเชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าทั้ง Bitcoin และ Ethereum ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน ประเมินการใช้พลังงานของ Cardano เพียง 0.01% ของ Bitcoin ที่ 110.53 TWh

ADA เป็นสกุลเงินดิจิทัลของบล็อคเชน Cardano!

โปรดจำไว้ว่า Cardano เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกรรมแบบกระจายศูนย์โดยใช้สกุลเงิน ADA ดังนั้นอย่าคาดหวังกรณีการใช้งานและคุณประโยชน์ที่ฉูดฉาดจากเหรียญ ADA ในตอนนี้ — ปัจจุบันนี้เมื่อยังไม่มีสัญญาอัจฉริยะ ADA ก็ดูเหมือนเป็นเพียงเงินสดกระจายอำนาจที่สามารถ stake ได้เท่านั้น

เหรียญ ADA อยู่ในเลเยอร์ธุรกรรมแบบ stand alone ภายในบล็อกเชนของ Cardano ทำให้การส่งและรับเหรียญ ADA รวดเร็วและราคาถูกด้วย ใครก็ตามที่ได้รับผลกระทบจากค่าธรรมเนียมก๊าซ Ethereum ที่สูงลิ่ว จะประทับใจกับธุรกรรม ADA ที่ไม่แพง

ด้วยความมุ่งมั่นของ Cardano ในการสร้างทางออกทางการเงินแบบกระจายศูนย์สำหรับประเทศกำลังพัฒนานั้น เหรียญ ADA ได้รับการออกแบบเพื่อให้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแบบเกือบสำเร็จรูปที่สามารถกลายเป็นสกุลเงินระดับโลกได้

Cardano แบ่งยุคการอัพเกรด และตั้งชื่อตามบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการปฏิวัติ ขณะนี้เครือข่ายอยู่ในยุคของ Shelley และกำลังคืบคลานเข้าสู่ยุค Goguen

ในยุค Goguen สัญญาอัจฉริยะของ Cardano จะพร้อมใช้งานบนเครือข่ายหลักของ Cardano การอัพเกรดนี้จะทำให้ความสามารถในการคำนวณของ Cardano และคุณสมบัติในการใช้งานเพิ่มขึ้น (เพื่อการอ้างอิง Ethereum มีสัญญาอัจฉริยะที่ใช้งานได้ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2558)

ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับการรับรายได้แบบ passive income จาก ADA อย่างไร? กิจกรรมบนเครือข่าย Cardano ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับใช้สัญญาอัจฉริยะจะทำให้ผู้ตรวจสอบความถูกต้องทำงานได้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงจำนวนการ stake เหรียญ ADA มากขึ้น และจะได้รับผลตอบแทนจากการ stake ที่มากขึ้น

กระแสความตื่นเต้นจากการมีสัญญาอัจฉริยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Cardano ได้เริ่มใช้ Alonzo testnet ซึ่งเป็นสัญญาอัจฉริยะเวอร์ชันเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงการทดสอบในระยะเริ่มต้น แต่เหรียญ ADA ได้มีการ stake มากขึ้นไปอีก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ จากผู้ถือครอง

การ Stake ADA นั้นง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับ Ethereum 2.0 คุณไม่จำเป็นต้องล็อกเหรียญ ADA ที่ stake ไว้ — และคุณยังสามารถยกเลิกการ stake ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

• การออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้ระบบ proof-of-stake
• การ stake เหรียญ ADA นั้นง่ายดายและไม่จำเป็นต้องล็อกเหรียญไว้
• สถาปัตยกรรมสองชั้น เอื้อให้มีความรวดเร็ว ปรับขนาดได้ และปลอดภัย
• Cardano มีความก้าวหน้าในการ track และ trace ผลิตภัณฑ์จากซัพพลายเชน
• การมุ่งเน้นที่ประเทศกำลังพัฒนาทำให้มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

• ล่าช้ามากสำหรับนำมาใช้งานทางอุตสาหกรรม
• แอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจที่ใช้งานบล็อกเชนยังมีน้อย
• เหรียญ ADA ยังมีความก้าวหน้าไม่มากนักในฐานะสกุลเงิน
• ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน เป็นคนสุดโต่งที่ชอบเรียกร้องความสนใจ
• Cardano ได้รับฉายาว่าเป็นบล็อกเชนร้าง (ghost chain)

Ethereum และ Cardano มีผู้ก่อตั้งที่เคยทำงานร่วมกัน แต่นอกนั้นแทบไม่มีอะไรร่วมกันเลย!

จากการมองมุมกว้าง ทั้งคู่เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนแบบกระจายอำนาจ ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างมากเมื่อคุณศึกษาลึกขึ้น

Cardano มุ่งเน้นการสร้างบล็อกเชนไปที่การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีงานวิจัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีม Cardano เนื่องจากเป็นการขับเคลื่อนไปจุดสำคัญยิ่งซึ่งคือการรักษาความปลอดภัย

ในทางกลับกัน Ethereum เป็นสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมน้อยกว่ามาก ซึ่งเต็มไปด้วยการอัพเกรด (hardforks) และระบบการเงินของเหรียญที่วุ่นวาย ในขณะที่บล็อกเชน Ethereum นั้นยังคงปลอดภัยอยู่ นับตั้งแต่เมื่อเกิดการแฮ็ก DAO hack ที่น่าอับอายเกิดขึ้น แต่แอพพลิเคชั่นกระจายอำนาจจำนวนมากที่ทำงานอยู่บนนั้นกลับไม่มีความปลอดภัย

ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนไปกว่าสัญญาอัจฉริยะ บล็อกเชนส่วนใหญ่ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กเปิดตัวพร้อมความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะเป็นมาตรฐาน แต่แม้ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใหญ่เป็นอันดับห้าตามมูลค่าตลาด แต่ Cardano ยังไม่มีสัญญาอัจฉริยะ!

แม้จะมีจุดอ่อนเกี่ยวกับความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะ แต่ Cardano ก็เอาชนะ Ethereum ด้วยการมีประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ความสามารถในการปรับขนาด และความเร็ว อันเนื่องมาจากการออกแบบสองชั้นและอัลกอริทึ่ม Ouroboros

แม้ว่าบล็อกเชน Cardano จะยังคงดูไม่เรียบร้อยเมื่อเปรียบเทียบกับ Ethereum แต่เราก็ควรที่จะทบทวนความแตกต่างเหล่านี้อีกครั้ง เมื่อสัญญาอัจฉริยะของ Cardano เริ่มทำงานในยุค Goguen ในช่วงเดือนกันยายน 2564 เมื่อถึงเวลานั้น..เรามาดูกัน!

ที่มา: Shrimpy Academy
แปลและเรียบเรียงโดย: BREAK Stake Pool — Pool ของคนไทย เพื่อส่งเสริมชุมชน Cardano ให้เติบโตอย่างแข็งแรงในประเทศไทย

AD

SNEKbot by DexHunter on CARDANO

Cardano's Telegram Trading Bot live on Cardano mainnet!TRADE NOW!


Read Original Article on Cardano Thai

ORIGINAL SOURCE

https://cardanothai.medium.com/%E0%B9%80...

Disclaimer: Cardano Feed is a Decentralized News Aggregator that enables journalists, influencers, editors, publishers, websites and community members to share news about the Cardano Ecosystem. User must always do their own research and none of those articles are financial advices. The content is for informational purposes only and does not necessarily reflect our opinion.


Genius Yields DEX Launched!

More from Cardano Thai

See more
รับรางวัล Ardana ISPO พิเศษสองเท่า ด้วยการ stake ก่อนวันที่ 31 มีนาคม!
Cardano Thai
รับรางวัล Ardana ISPO พิเศษสองเท่า ด้วยการ stake ก่อนวันที่ 31 มีนาคม!

03/31/2022

·

1.3K views

Related News

See more
Genius Yields DEX Launched!

Featured News

See more



    DEFAULTENGLISH (EN)SPANISH (ES)RUSSIAN (RU)GERMAN (DE)ITALIAN (IT)POLISH (PL)HUNGARIAN (HU)JAPANESE (JA)THAI (TH)ARABIC (AR)VIETNAMESE (VI)PERSIAN (FA)GREEK (EL)INDONESIAN (ID)ROMANIAN (RO)KOREAN (KO)FRENCH (FR)CZECH (CS)PORTUGUESE (PT)TURKISH (TR)