ชาร์ลส์ ฮอสกินสัน พูดถึงเหตุใดเมื่อราคา BTC สูงขึ้น ทุกอย่างก็สูงตาม?

Cardano ถูกสร้างขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากใช้หลักการวิจัยและวิทยาศาสตร์นำการดำเนินการ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด โปรเจ็กต์นี้ใช้ระบบ Proof-of-stake มาอย่างแข็งแกร่งมาก เมื่อปล่อยสัญญาอัจฉริยะออกมาแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเร็วในการธุรกรรมต่างๆ จะรวดเร็วมากเท่าที่เราจะจินตนาการได้

ชาวคาร์ดาเนียน (คนในชุมชน Cardano) ภูมิใจที่ Cardano ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง ภารกิจในแอฟริกาเป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้ ความสำเร็จในแอฟริกาสามารถพิสูจน์ได้ว่าบล็อกเชนสามารถทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้จริงๆ

วิดิโอล่าสุดของชาร์ลส์ Charles Hoskinson เกี่ยวกับความคิดของเขาที่มีต่อตลาดและระบบนิเวศ “ทิศทางที่เรากำลังก้าวไปคือโลกที่ดีกว่า” วิดิโอสั้น ๆ นี้สามารถเปิดหูเปิดตาให้กับหลายๆ คนที่บอกว่ามองไม่เห็นความคืบหน้าของ Altcoin อย่าง ADA

วิดิโอนี้เป็นภาพสะท้อนของชาร์ลส์ว่าเราอยู่จุดไหนและกำลังจะไปที่ไหน ชาร์ลส์กล่าวด้วยว่าสัปดาห์หน้าเขาจะไปร่วมการประชุม Bitcoin ที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยชาร์ลส์จะเป็นตัวแทนของ “โครงการการศึกษา Bitcoin” (Bitcoin Education Project) และเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นคนเก๋าๆ จำนวนมากที่นั่น

เขาชี้ให้เห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณมองกลับไปในอดีต คุณมีโอกาสที่จะไตร่ตรองและคิดว่าเราอยู่ที่ไหนและคุณกำลังจะไปที่ไหน และเขาชี้ให้เห็นว่าพวกเราหลายคนกำลังจ้องไปที่แนวโน้มขาลงของตลาด และเรื่องนี้คือเรื่องหลักที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจในตอนนี้ ชาร์ลส์ระบุว่าเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่สนใจตลาด เนื่องจากตลาดมีลักษณะมหภาค และเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมากในฐานะผู้ประกอบการและหัวหน้าโครงการที่ดำเนินการและสร้างสิ่งต่างๆ
เศรษฐศาสตร์มหภาคเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือเศรษฐกิจโดยทั่วไป เช่น อัตราดอกเบี้ยและผลผลิตของประเทศ

ชาร์ลส์เล่าย้อนถึงการที่เขามีเพื่อนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และชีวิตในช่วงปี 2550 และ 2551 ของเขานั้นยอดเยี่ยมอย่างไร และพวกเขาเป็นนักธุรกิจที่ดีเยี่ยมได้อย่างไร พวกเขาทำข้อตกลงที่ยอดเยี่ยม มีลูกค้าที่ดี ทำข้อตกลงที่ดี มีทรัพยาการบุคคลที่ยอดเยี่ยม มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทุกคน เคารพในข้อตกลงของพวกเขาเสมอ มาถึงที่ประชุมก่อนเวลา 5–10 นาที

ชาร์ลส์ชี้ไปที่ปี 2008 เมื่อทุกอย่างถูกลบล้างเมื่อมาโครมาถึง อุตสาหกรรมเป็นอย่างนี้ค่อนข้างยาวนาน ในปี 2017 หรือ 2018 ถ้าราคา Bitcoin ขึ้น ทุกอย่างก็ขึ้นไป และถ้าราคา Bitcoin ลดลงทุกอย่างก็จะลง เป็นเรื่องที่น่าหดหู่เพราะดูเหมือนจะไม่สำคัญว่าคุณมีเทคโนโลยีอะไร ทำโครงการอะไรสำเร็จ มีข้อตกลงอะไรบ้าง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร อาจมีบางครั้งที่มีการ Segwit (โปรโตคอลที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการขยายเครือข่ายและแก้ไข bug) แต่โดยส่วนใหญ่ ตลาดถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางนั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เราสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของ Segwit อย่างจริงจัง และการครอบงำของ Bitcoin ที่มีผลต่อเหรียญก็ได้ลดลงอย่างมาก และความต้องการของผู้คนไม่ได้อยู่ที่ Bitcoin เพียงอย่างเดียว ผู้คนเริ่มแยกความแตกต่างของ Proof-of-Work และ Proof-of-Stake ได้แล้ว